ทัวร์อินเดียใต้ รัฐทมิฬนาฑูและรัฐเกรละ
ทัวร์
เอเชีย
ระยะเวลา
9 วัน
สายการบิน
วันเดินทาง
19-27 มกราคม / 16-24 กุมภาพันธ์ 2562
Hilight

โกลบอล ฮอลิเดย์ นำเสนอโปรแกรมอินเดียใต้ ทัวร์อินเดียใต้ 2 รัฐ รัฐทมิฬนาฑูและรัฐเกรละ  กับเส้นทาง โคชิน อาลัปปี้ เปริยาร์ มธุไร ทิรุชิราพพาลี ปูดูเชร์รี กาญจีปุรัม มหาพลีปุรัม เชนไน พบดินแดนแห่งมนตรา และวิถีชีวิตที่น่าติดตาม

แผนการท่องเที่ยว
  • Day 1
    1) วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพ – โคชิน (Cochin) ( D )
    • 06.00 น. คณะพร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ประตู 10 เคาน์เตอร์ W สายการบินศรีลังกา แอร์ไลน์
      เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ให้การต้อนรับ
      08.55 น. เหินฟ้าสู่เมืองโคลอมโบ ประเทศศรีลังกา โดยสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 333  (ใช้เวลา 4.30 ชั่วโมง)
      12.00 น. ถึงสนามบินเมืองเดลี เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องบิน
      14.05 น. เหิรฟ้าสู่เมืองโคชิน ประเทศอินเดีย โดยสายการบิน แอร์ อินเดีย เที่ยวบินที่ AI 512 (ใช้เวลาบิน 2.05 ชั่วโมง)
      17.10 น. ถึงเมืองโคชิน ประเทศอินเดีย  หลังผ่านเดินพิธีการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านเดินทางสู่เมืองโคชิน
      เมืองโคชิน หรือโกชิ (Kochi)  เป็นเมืองใหญ่อันดับที่สอง รองจากเมืองหลวงขอรัฐ  เป็นเมื่องที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ทั้งด้านการท่องเที่ยว   และการขนส่ง และยังเป็นศูนย์กลางทางการค้าของรัฐเกรลา  
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
      จากนั้นเข้าที่พักโรงแรม CROWNE PLAZA HOTEL -5* หรือเทียบเท่า

  • Day 2
    2) วันที่สองของการเดินทาง โคชิน (Cochin) - อาลัปปี้ (Alleppy) ( B/ L / D )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      จากนั้นนำท่านชม ป่อมปราการโคชิน (Fort Cochin) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16  ที่นี่ถือว่าเป็นประตูด่านแรกที่ชาวยุโรปเข้ามาถึงอินเดีย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน  และเป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศในโบราณ  ระหว่างอินเดีย จีน อาหรับ และยุโรป  ซึ่งนักสำรวจชาวโปรตุเกส  ที่ชื่อว่า วาสโกดา กามา ได้เดินทางมาถึงเป็นคนแรก และได้ก่อตั้งสถานีการค้าขึ้นที่นี่  ต่อมาได้เปลี่ยนไปอยู่ภายใต้ดัชท์ และอังกฤษ   
      นำท่านเที่ยวชม โบสถ์เซนต์ฟรานซิส (ST. Francis Church) สร้างโดยนักบวชในคริสต์ ศาสนานิกายโรมันคาทอลิก ตามสถาปัตยกรรมแบบ ยุโรป ในปีคริสต์ศักราชที่ 1503   เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองโคชิน และเป็นสถานที่เก็บศพของวาสโกดา กามา  นักสำรวจชาวโปรตุเกสที่สิ้นชีวิต ณ เมืองโคชิน เมื่อปีพุทธศกัราชที่2067 ก่อนจะย้ายศพไปเก็บไว้ที่ประเทศโปรตุเกสในเวลาต่อมา (ปิดทำการ ทุกวันพฤหัสบดี วันศุกร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)
      นำท่านชม ชุมชนชาวยิว หรือที่เรียกว่า “Jew town” ชุมชนแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยร้านค้าตลอดสองข้างทางถน มีทั้งร้านขายเครื่องเทศ และพริกไทย ปัจจุบันยังเต็มไปด้วยผู้คนที่มาค้าขายแลกเปลี่ยนกันไม่ต่างจาอดีต 
      นำท่านชม มหาวิหารซางตาครูซ (Santa Cruz cathedral) สร้างขึ้นในปีคริสต์ศักราช 1505  โดยชาวโปรตุเกส เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้น รองมาจากโบสถ์เซนต์ฟรานซิส (ST. FRANCIS CHURCH) โดยโบสถ์แห่งนี้สร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค
      นำท่านเยี่ยมชม พระราชวังมัททันเชอรี่แห่งฮอลันดา (The Mattancherry Dutch Palace)  (ปิดวันศุกร์-วันเสาร์) ถูกสร้างขึ้นโดยชาวโปรตุเกสเมื่อปีคริสต์ศักราช 1555  เพื่อเป็นเครื่องบรรณาการและสร้างสัมพนัธไมตรีในการร่วมทางการค้า แก่ ราชาวีระเกรลาวาร์มา มหาราชาแห่งโคชิน (KING VEERA KERALA VARMA) ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคเสื่อมอำนาจของโปรตุเกส ได้ทำการบูรณะพระราชวงัแห่งนี้ในปีคริสต์ศักราช 1663 โดยชาวฮอลันดา
      ชม โบสถ์ยิวพาราเดชี่ (Pardesi Synagogue Jewtown)  (ปิด วันศุกร์ – วันเสาร์) ตั้งอยู่ในชุมชนชาวยิว และป้อมปราการโคชิน  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2111 ภายในโบสถ์มีการใช้วัสดุก่อสร้างนำเข้าจากประเทศจีน มณฑลกวางตุ้ง คือ กระเบื้องปูพื้นเคลือบแบบภาพเขียนมือ ซึ่งภายในกระเบื้องแค่ละแผ่นจะไม่ซ้ำลวดลาย อีกทั้งยังมีการแสดงสิ่งของล้ำค่าซึ่งประกอบไปด้วย ใบเบิ้ล ตู้เก็บพระคัมภีร์ มงกุฎทอง  เป็นต้น

      กลางวัน        รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย นำท่านออกเดินทางสู่เมืองอแลปปี้ ระยะทางประมาณ 57 กิโลเมตร 
      (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง) อาลัปปี้ หรือ อาลัปปุฬะ Alappuzha เมืองที่เป็น
      ศูนย์กลางการคมนาคมทางน้ำแนวชายฝั่งทะเล มีคลองที่สวยงามที่เรียกว่า
      Back water มาร์โค โปโลเปรียบเทียบเป็นคลองแห่งเวนิสตะวันออก ในอดีตเมืองเคยทำการค้ากับกรีกและโรมัน เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ทางภาคใต้ของอินเดีย จากนั้นนำท่านลง เรือเฮ้าส์โบ๊ต (Houseboat) โดยเรือจะนำท่านสัมผัสธรรมชาติ และชมเครือข่ายระบบ                  
      คลองคมนาคมและระบายน้ำหลังแนวชายฝั่ง (Back Water) ของรัฐเครลาสองฝั่งคลองสวยงามไปด้วยทุ่งนาเขียวขจี 
      ค่ำ                ชมพระอาทิตย์ตกดินและรับประทานอาหารค่ำบนเรือโรงแรมลอยน้ำ 
      พักผ่อนตามอัธยาศัยบนโรงแรมเรือลอยน้ำ AIR CONDITION HOUSEBOAT

  • Day 3
    3) วันที่สามของการเดินทาง อาลัปปี้ (Alleppy) - เปริยาร์ (Periyar) ( B / L / D )
    • เช้า รับประทานอาหารในเรือ
      08.00 น. ออกเดินทางสู่เมืองเปริยาร์  (ระยะทาง 128 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ) เปริยาร์ หรือ เตกาฏิ (Thekkady) โดยทั่วไปรู้จักในนาม เปริยาร์ เป็นแหล่งผลิตเครื่องเทศที่สำคัญที่สุดของเมืองบนเทือกเขาฆาฏตะวันตก ห่างจากรัฐทมิฬนาฑู 4 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นเมืองตากอากาศทำสำคัญของรัฐเกรลา
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย จากนั้นนำท่านนั่งเรือ ชมธรรมชาติ ชมนกน้ำและสัตว์ป่า ในเขต สงวนพันธุ์เสือเปริยาร์ (Periyar Tiger Reserve) ในทะเลสาบเหนือเขื่อนเปริยาร์ (Lake Periyar) 
      จากนั้นนำท่านชมการแสดง ระบำคทากาลี (Kathakali) เป็นการแสดงที่โดดเด่นและแตกต่างจากการแสดงนาฏศิลป์ของอินเดีย  อดีตการแสดงระบำนี้แพร่หลายในราชสำนักและชาวบ้านทั่วไป ต้นตำรับการแสดงคทากาลี อยู่ที่เมืองหลวงเก่า “โคชิน” เป็นเรื่องราวชองพระกฤษณะ ซึ่งจากคำร้องที่ประพันธ์ขึ้นเมื่อประมาณเจ็ดร้อยปีก่อน  และมีการแต่งเติมเรื่องราวตำนานเทพฮินดูและวรรณคดีอื่นๆมากมาย 
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ   
      จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม Amaana Plantation Hotel -4* หรือเทียบเท่า 

  • Day 4
    4) วันที่สี่ของการเดินทาง เปริยาร์ - มธุไร (Madurai) ( B / L / D )
    • เช้า         รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      08.00 น. จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มธุไร (Madurai)  
      (ระยะทาง 149 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 4-5 ชั่วโมง) เมืองมธุไร เป็นเมืองใหญ่
      อันดับ 2 ของรัฐทมิฬนาฑู เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องบนคาบสมุทรอินเดีย ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไวไก (Vaigai River) มธุไร ปกครองโดยกษัตริย์   ปาณฑิยัร (Pandyas)   เมืองเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมและมีมรดกตกทอดมาของกว่า 2500 ปี และเคยเป็นแหล่งการค้าสำคัญของภาคใต้บนคาบสมุทรอินเดีย เมืองที่มีชื่อเสียงในการส่งเสริมการใช้ภาษาทมิฬ  นอกจากนี้แยังเป็นเมืองที่มีการกล่าวถึงในตำราโบราณของชาวกรีก, โรมและชาวอาหรับอีกด้วย
      จากนั้นชมวิหารศิลาติรุปปรังกุนรัน (Tiruparakundram) ตั้งอยู่บนเนินเขาอลาการ์ (Alagar Hills)  วิหารสร้างในสมัยศ.ต.ที่ 8 สร้างถวายแด่พระขันทกุมาร หรือ สุพราหมัณยะ (Subramanya)   
      กลางวัน         รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย ชมพระราชวังติรุมไล นายัค (Triumala Nayak Palace) กษัตริย์ติรุมไล นายัค Thirumalai Nayak ปกครองมธุไร  ระหว่างค.ศ. 1623 - 1659 เป็นกษัตริย์มีชื่อเสียงที่สุดในราชวงศ์นายัค ได้สร้างวิหารและวัดที่สวยงามภายใต้อาณาจักรของพระองค์ และยังสามารถปกป้องจากการถูกรุกรานของกองทัพของสุลต่านนิวเดลีและอาณาจักรอื่น กษัตริย์ติรุมไลนายัค ซึ่งปกครองมธุไร  ในยุคที่มีชาวยุโรปเดินทางมาค้าขาย ไม่ว่าจะเป็นโปรตุเกตุ และชาวดัชช์ แต่พระองค์ทรงเลือกที่ใช้ศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบมิลักขะ (Dravidian) หรือ สถาปัตยกรรมแบบอิตาเลี่ยน 
      จากนั้นนำท่าน ชม เทวาลัยมีนาฑชิอัมมัน (Meenakshi) สร้างถวายแด่องค์พระศิวะ ตั้งอยู่ในใจกลางเมือง มีหอวิหารรายรอบเมือง  วัดเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญสำหรับคนทมิฬและได้รับการกล่าวถึงตั้งแต่สมัยโบราณในวรรณคดีทมิฬ แต่โครงสร้างปัจจุบันเชื่อว่ามีการสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1600 บริเวณวัดประกอบด้วยซุ้มประตู 11 หลังที่สูงที่สุดคือ 51.9  เมตร หรือ 170 ฟุต ทุกๆ ปีจะมีการการเฉลิมฉลองเทศกาลการแต่งงานที่เทวาลัยมีนาฑชี (ตามตำนานฮินดู, กล่าวถึงการมาจุติบนพื้นโลกของพระศิวะในรูปแบบของ สุทเรศวร (Sundareswarar)  เพื่อมาแต่งงานกับเทพธิดา มีนีนาฑชี Meenakshi (หรือ พระแม่ปาวรตี) ซึ่งพระแม่ปาวรตีก่อนหน้านี้ลงมาถึงพื้นโลกโดยเกิดเป็นธิดาของผู้ปกครองมธุไร นามว่า Malayadwaja Pandya  เมื่อเติบใหญ่เธอได้เป็นผู้ปกครองเมืองมธุไร เมื่อพระศิวะปรากฏบนโลกและขอแต่งงานกับเธอ การแต่งงานนี้ควรจะเป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีการรวบรวมแผ่นดินทั้งหมดของมธุไร ในขณะนั้น พระนารายณ์ซึ่งเป็นน้องชายของมีนีนาฑชี ได้เดินทางเพื่อจะมาเป็นประธานในการแต่งงานอันศักดิ์สิทธิ์ เนื่องจากการล้อเล่นของโดยพระอินทร์ จึงทำให้เดินทางมาถึงของพระนารายณ์ล่าช้าออกไป  ขณะที่ประธานในพิธีกลายเป็นเทพประจำท้องถิ่นจากติรุปปรังกุนรัม นามว่า ปาวาลาคานิวาอิ เปรูมัล (Pavalaakanivaai Perumal)  ซึ่งต่อมาทำให้เกิดมีการเฉลิมฉลองเป็นประจำทุกปี  ในเทศกาลจิตติไร ติรุวิชา (Chitirai Thiruvizha)
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ
      จากนั้นพักผ่อนตามอัธยาศัยที่โรงแรม  THE GATEWAY MADURAI HOTEL -5* หรือเทียบเท่า

  • Day 5
    5) วันที่ห้าของการเดินทาง มธุไร (Madurai) - ตีรุชชิราปปัลลิ (ตริชชี) - พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) ( B / L / D )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง ตรีรุชชิราปปัลลิ (Tiruchirappalli) หรือ ตริชชี (Trichy) (ระยะทาง  132 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ) ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำกาเวริ(Cauvery River) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสี่ในรัฐทมิฬนาฑู เมืองที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมทางศาสนา เทวาลัยในยุคราชวงศ์โจฬะ 

      (Cholas Dynasty) เคยถูกปกครองในยุคมุสลิม จนมาสิ้นสุดที่ราชวงศ์วิชัยนคร 
      (Vijayanagar Rulers) ปกครองจนถึงปี ค.ศ.1736 กลับมาอยู่ใต้การปกครองของ
      ราชวงศ์โมกุลด้วยความช่วยเหลือของฝรั่งเศสและอังกฤษ  ต่อมาเกิดการต่อสู่แย่งชิง
      ระหว่างอังกฤษกับฝรั่งเศส ภายหลังอังกฤษได้รับชัยชนะในสงครามแย่งชิงเมืองตีรุชชิราปัลลี  
      อังกฤษได้ปกครองตีรุชชิราปัลลี ต่อจาก Chanda Sahib and Mohamed Ali เป็นเวลา 150 ปี จนกระทั่งอินเดียได้รับเอกราช  เมืองตีรุชชิราปัลลีจึงมีความเจริญรุ่งเรือง มีระบบการจัดการที่ดี มีโบสถ์คริสตจักรและเทวาลัยหลายแห่ง มีการผสมผสานของประเพณีและความทันสมัยในด้านสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้น ในยุค 1760  
      นำท่านชมร็อคฟอร์ท (Rock Fort)  สูง 83 เมตร เป็นหินบะซอลที่เชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 3.8 ล้านปี เก่ากว่าอายุของเทือกเขาหิมาลัย ท่านต้องเดินขึ้นบันได 344 ขั้นสู่เทวาลัย Uchipillaiyar Koil ที่สร้างถวายแด่พระคเณศหรือวินายกะ (Lord Vinayaka)  ระหว่างทางขึ้นจะมีวิหารที่สร้างถวายแด่พระศิวะ และวัดถ้ำปัลลวะ  เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนท่านสามารถชมเมืองตีรุชชิราปัลลีโดยรอบ ด้านล่างใกล้ที่ตั้งของร็อคฟอร์ทมีบ้านที่เคยเป็นที่อยู่ของ Robert Clive ผู้ที่อังกฤษแต่งตั้งให้มาดูแลบริษัทอีสต์อินเดีย (East India Company) 
      กลางวัน        รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย ชมเทวาลัยศรีรังคัม (Srirangam) สร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 14-17 (ตั้งแต่สมัย เชรัร Cheras, ปาณฑิยัร Pandyas, โจฬะ Cholas, ฮอยสาระ Hoysalas จนถึง ยุคราชวงศ์วิชัยนคร) เทวาลัยรังคนาทะ สวามี หรือ ศรีรังคัม (Ranganatha Swami หรือ Srirangam) เป็นเทวาลัยที่สำคัญของเมือง Trichy วัดนี้เป็นที่ใหญ่ที่สุดและน่าสนใจที่สุดในเรื่องของศาสนาเชิงซ้อนของอินเดีย วัดนี้สร้างขึ้นบนเกาะศรีรังคัมกลางแม่น้ำเกวารี และครอบคลุมพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร วัดสร้างถวายแด่องค์พระนารายณ์  ปัจจุบันนี้ผู้ที่ไม่ใช่ชาวฮินดูได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในได้ถึงกำแพงชั้นที่หกเท่านั้น  เทวาลัยล้อมรอบด้วยกำแพงเจ็ดชั้นและมีเสาและประตูที่แกะสลักสวยงาม ประตูหอที่ 22 สูง 236 ฟุต สร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อเร็ว ๆ นี้ และเป็นหอพระวิหารสูงที่สุดในเอเชีย
      จากนั้น เดินทางสู่เมืองตัญชอร์ (TANJORE) หรือเมืองตัญชาวูร์ (THANJAVUR) (ระยะทางประมาณ 57 กิโลเมตร ใช้ประมาณ 1.30 ชั่วโมง) เป็นเมืองสำคัญในสมัยราชวงศ์โจฬะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำกาเวริ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง)       
      ค่ำ       รับประทานอาหารค่ำ พักโรงแรม THE PROMENADE HOTEL -4* หรือเทียบเท่า

  • Day 6
    6) วันที่หกของการเดินทาง พอนดิเชอร์รี่ (Pondicherry) - มหาพลีปุรัม ( B / L / D )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำาชม อาศรมศรีอรพินโท (Sri Aurobindo Ashram) ตั้งขึ้นในปีค.ศ.1926 เคยเป็นที่พำนักของ ศรีอรพินโท อดีต
      นักเขียน นักปรัชญา คุรุโยคะ และผู้นำทางจิตวิญญาณที่ได้ชื่อว่า มีอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งของอินเดียท่านยังได้ศึกษาค้นคว้าด้านโยคะและจิตวิญญาณแห่งการเป็นมนุษย์ จนกลายเป็นแนวทางโยคะที่เรียกว่า โยคะองคร์วม 
      จากนั้นชม Pondicherry Museum และChurch of the Sacred Heart of Jesus.
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มามัลละปุรัม (Mamallapuram)  หรือ 
      มหาพลีปุรัม  Mahabalipuram   (ระยะทาง 102 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง  มหาพลีปุรัม ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเชนไน 50 กิโมเมตร เป็นศูนย์กลางงานแกะสลักหินและเป็นที่ตั้งของโรงเรียนประติมากรรมของทางภาครัฐ  เมือง

      นี้มีเทวาลัยเก่าแก่ที่สุดที่ยังเหลืออยู่ทางภาคใต้ของอินเดีย  ในอดีตเคยเป็น
      เมืองท่าและเมืองหลวงแห่งที่สองของราชวงศ์ปัลลวะ (Pallava Dynasty) 
      ที่รุ่งเรืองในศตวรรษที่ 7-8 มามัลละปุรัมMamallapuram เป็นสถาปัตยกรรมที่เป็น
      วัดต้นแบบดราวิเดรียนซึ่งเกิดจากการสลักหินเป็นวัดที่บูชาเทพเจ้า เช่น พระศิวะ พระวิษณุ พื้นที่ของโบราณสถานนี้กว้างใหญ่จนติดทะเล  มหาพลีปุรัม ( Mahabalipuram ) ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้  
      ค่ำ รับประทานอาหารเย็น  จากนั้นนำท่านพักผ่อนที่ RADISSION BLU TEMPLE BAY – 5* หรือเทียบเท่า

  • Day 7
    7) วันที่เจ็ดของการเดินทาง มหาพลีปุรัม – กาญจีปุรัม - เชนไน ( B / L / D )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านออกเดินทางเพื่อชมกาญจีปุรัม  ((ระยะทาง 67 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ) 
      ชมเทวาลัยไกลาสเป็นเมืองโบราณที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในอินเดียใต้ เคยเป็นเมืองหลวงของกษัตริย์ราชวงศ์ปัลลวะ (Pallava) ที่เรืองอำนาจเมื่อพันกว่าปีก่อน ชาวฮินดูถือว่า ที่นี่เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ คล้ายกับเมืองพาราณสี ในเมืองเต็มไปด้วยเทวสถานเก่าแก่มากมาย ในยุคที่กาญจีปุรัมเป็นมหานครอันรุ่งเรืองเมื่อพันปีก่อน นอกจากศาสนาฮินดูจะรุ่งเรืองแล้ว พุทธศาสนาก็เคยรุ่งเรืองในเมืองนี้ด้วย ถึงกับมีพระภิกษุชาวเมืองกาญจีปุรัมรูปนึง ได้ออกเดินทางไกลไปจนถึงประเทศจีน และสร้างวัดใหญ่โต และพระโพธิธรรม หรือที่ชาวจีนนิยมเรียกท่านว่า “ต้าโม” หรือ “ตั๊กม้อ” ปรมาจารย์แห่งวัดเส้าหลินนั่นเอง ท่านตั๊กม้อเป็นชาวทมิฬเกิดที่เมืองกาญจีปุรัม แต่ว่าคนอินเดียในปัจจุบันไม่รู้จักท่านเสียแล้ว  ปัจจุบันก็ไม่มีวัดพุทธในกาญจีปุรัมแล้ว กลายเป็นเทวาลัยฮินดูหมด  
      กลางวัน รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย เดินทางสู่เมืองเชนไน (Chennai) ( ระยะทางประมาณ  74 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ  2.30 ชั่วโมง )  เมืองเชนไน เมืองสำคัญริมอ่าวเบงกอล เป็นเมืองเอกของรัฐทมิฬนาดู ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ราว 8 ล้านคน มีชื่อเดิมว่า มัทราส ในอดีตเชนไน เป็นสถานีการค้าที่สำคัญของบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ แต่ในปัจจุบัน เชนไนได้เปลี่ยน
      โฉมใหม่กลายเป็นเมืองที่มีอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจสูง โดยมีบทบาทใน
      อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ ผลิตซอฟต์แวร์ และยังได้รับการยกย่องให้เป็น
      เมืองสำคัญทางด้านดนตรีและวัฒนธรรมของทางอินเดียใต้
      ถึงเมืองเชนไนอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัยเพื่อซื้อของฝาก และของที่ระลึก
      ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ พักโรงแรม CROWNE PLAZA HOTEL -5* หรือเทียบเท่า

  • Day 8
    8) วันที่แปดของการเดินทาง เชนไน – มุมไบ ( B / L / D )
    • เช้า รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม
      นำท่านชม พิพิธภัณฑสถานเจนไน (Chennai Government Museum) ที่นี่มีการจัดแสดงงานโบราณวัตถุของอินเดียใต้ โดยเฉพาะงานหล่อสำริดโบราณ ทั้งของศาสนาฮินดู พุทธ และเชน สำหรับชาวพุทธ มีห้องพุทธประติมากรรมสมัยอมราวดี (พุทธศตวรรษที่ 7-9) ที่เป็นต้นกำเนิดศิลปะแบบทวารวดีในประเทศไทย (พุทธศตวรรษที่ 12-16) และที่ห้องอมราวดีนี่เองที่ท่านพุทธทาสเคยเดินทางมาชมเมื่อปี 2499  พิพิธภัณฑ์ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคอาณานิคมกลางศตวรรษที่ 19
      จากนั้นชม มหาวิหารซานโตเม่ (Santhome Church) หรือ โบสถ์เซนต์โทมัส National Shrine of St.Thomas Basilica คำว่า “Santhome” กลายมาจากชื่อนักบุญโทมัส หนึ่งในสิบสองอัครสาวกของเยซูคริสต์ รุ่นแรกที่ออกเผยแพร่ศาสนา ชาวอินเดียเชื่อว่า เซนตโทมัส มาถึงอินเดียในปีพ.ศ. 595/52 ต่อมาถูกทรมาณเนื่องจากความเห็นต่างทาง
      ศาสนา ณ ภูเขาเซนต์โทมัส ในอีกมุมของเมือง ร่างของท่านถูกนามาฝังไว้ ณ สถานที่นี้ที่ต่อมากลายเป็นโบสถเซนต์โทมัสในย่านไมลาพอร์ปัจจุบัน
      กลางวัน       รับประทานอาหารกลางวัน
      บ่าย จากนั้นนำท่านชม วัดกาปาลีชวาร์ (Kapaleeshwar Temple) วัดพระอิศวรยุคศตวรรษที่ 8 แห่งนี้ถือเป็นสถานที่สำคัญที่น่าภาคภูมิใจที่สุดของเมืองเชนไน มีหอคอยที่มีชื่อเสียงตกแต่งด้วยรูปปั้นต่างๆ มีสีสันงดงามวิจิตรน่าตื่นตาตื่นใจ คุณจะได้ฟังตำนานต่างๆ พร้อมเปิดเผยพลังทางจิตวิญญาณเมื่อคุณหยิบวัตถุโบราณอันน่าตื่นตะลึงขึ้นมาชม และลิ้มรสอาหารรสจัดจ้านที่ขายอยู่บริเวณด้านนอกของวัด  นำท่านเดินทางสู่ หาดมารีน่า (Marina Beach) ซึ่งเป็นชายหาดที่อยู่ในเมืองเชนไนและริมทะเลในเขตอ่าวเบงกอลที่มีความยาวประมาณ 13 กม.
      เย็น รับประทานอาหารค่ำ
      ได้เวลาสมควรนำท่านเดินทางสู่สนามบิน
      19.00 น.       เช็คอินที่เคาน์เตอร์สายการบิน AIR INDIA
      21.10 น..       เหินฟ้าสู่เมืองมุมไบ โดยสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 093 
      23.15 น. ถึงสนามบินเมืองมุมไบ เพื่อรอเปลี่ยนเครื่องบิน

  • Day 9
    9) วันที่เก้าของการเดินทาง มุมไบ - กรุงเทพฯ
    • 01.50 น.        เหิรฟ้าสู่กรุงเทพฯ โดยสายการบิน AIR INDIA เที่ยวบินที่ AI 330
      07.45 น.       เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ด้วยความประทับใจ

       
Top